เมนู

สํขยา ได้แก่ เพราะสิ้นตัณหาอันนำไปสู่ภพ. บทว่า สมฺปรายิกา ได้แก่
อันมีในเบื้องหน้า คือในส่วนอื่นจากทำลายขันธ์. บทว่า ยมฺหิ ได้แก่ ใน
อนุปาทิเสสนิพพาน. บทว่า ภวานิ ท่านกล่าวโดยเป็นลิงควิปลาส อุบัติภพ
ไม่เหลือโดยประการทั้งปวงย่อมดับ คือ ย่อมไม่เป็นไป บทว่า เต ได้แก่
ชนเหล่านั้นมีจิตพ้นแล้วอย่างนี้. บทว่า ธมฺมสาราธิคมา ได้แก่ เพราะ
เป็นผู้มีวิมุตติเป็นสาระคือเพราะบรรลุพระอรหัตอันป็นสาระในธรรมทั้งหลาย
แห่งธรรมวินัยนี้. บทว่า ขเย ได้แก่ยินดี ยินดียิ่งแล้วในนิพพานอันเป็นที่
สิ้นกิเลสมีราคะเป็นต้น. อีกอย่างหนึ่ง อันเป็นสาระในธรรมทั้งหลาย โดย
ความเป็นของเที่ยง และโดยความเป็นของประเสริฐที่สุด เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า มีธรรมเป็นสาระ คือนิพพาน. สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
วราโค เสฏฺโฐ ธมฺมานํ วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายติ วิราคะประเสริฐ
กว่าธรรมทั้งหลาย และวิราคะท่านกล่าวว่า เลิศกว่าธรรมเหล่านั้น. ชนทั้ง
หลายยินดีแล้วในอนุปาทิเสสนิพพานเป็นที่สิ้นสังขารทั้งปวง เพราะเหตุบรรลุ
ธรรมอันเป็นสาระนั้น. บทว่า ปหํสุ คือ ละแล้ว. บทว่า เต เป็นเพียง
นิบาต. บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาธาตุสูตรที่ 7

8. สัลลานสูตร


ว่าด้วยการหลีกเร้นมีผล 2 อย่าง


[223] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับ
มาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีความหลีกเร้นเป็นที่มา